เมนู

แก้อรรถ


บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สตรํสีว แปลว่า เหมือนดวงอาทิตย์
ความว่า ส่องแสงสว่างไปทุกทิศ. บทว่า ปวนํ แปลว่า ป่าใหญ่. บทว่า
ธูปิตํ ได้แก่ อบ ทำให้มีกลิ่น. บทว่า อตปฺปิโย ได้แก่ ไม่ทำความอิ่ม
หรือไม่เกิดความอิ่ม. บทว่า ตาวเท แปลว่า ในกาลนั้น . ความว่า ในกาล
เพียงนั้น. บทว่า ตาเรสิ แปลว่า ให้ข้าม. บทว่า โอวาทํ ความว่า การ
สอนครั้งเดียว ชื่อว่า โอวาท. บทว่า อนุสิฏฺฐึ ความว่า การกล่าวบ่อย ๆ
ชื่อว่า อนุสิฏฐิ [อนุศาสน์]. บทว่า เสสเก ชเน ได้แก่ แก่ชนที่เหลือ ซึ่ง
ยังไม่บรรลุการแทงตลอดสัจจะ. บทว่า หุตาสโนว ตาเปตฺวา แปลว่า
เหมือนไฟไหม้แล้ว อีกอย่างหนึ่ง ปาฐะก็อย่างนี้เหมือนกัน. ความว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้า ปรินิพพาน เพราะสิ้นอุปาทาน. ในคาถาที่เหลือในที่ทุกแห่ง
ง่ายทั้งนั้นแล.
จบพรรณนาวงศ์พระโสภิตพุทธเจ้า

7. วงศ์พระอโนมทัสสีพุทธเจ้าที่ 7



ว่าด้วยพระประวัติของพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า



[8] ต่อจากสมัยของพระโสภิตพุทธเจ้า พระ-
อโนมทัสสีสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นยอดแห่งสัตว์สองเท้า มี
พระยศหาประมาณมิได้ มีพระเดชอันใครล่วงละเมิด
ได้ยาก.
พระองค์ทรงตัดเครื่องผูกทั้งปวง ทรงรื้อภพทั้ง
สาม ทรงแสดงบรรดาเครื่องไปไม่กลับ สำหรับเทวดา
และมนุษย์.
พระองค์ไม่กระเพื่อมดุจสาคร อันใคร ๆ เฝ้าได้
ยากดุจบรรพต มีพระคุณไม่มีที่สุดดุจอากาศ ทรง
บานเต็มที่ดุจพระยาสาลพฤกษ์.
แม้ด้วยเพียงเห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น สัตว์
ทั้งหลายก็ยินดี สัตว์เหล่านั้น ได้ฟังพระดำรัสของ
พระองค์ซึ่งกำลังตรัสอยู่ ก็บรรลุอมตธรรม.
พระองค์มีธรรมาภิสมัย สำเร็จเจริญไปในครั้ง
นั้น ทรงแสดงธรรมครั้งที่ 1 สัตว์ร้อยโกฏิก็ได้ตรัสรู้.
เมื่อพระองค์ทรงหลั่งฝนคือธรรม ตกลงใน
อภิสมัย ต่อจากครั้งที่ 1 นั้น ทรงแสดงธรรมครั้งที่ 2
สัตว์แปดสิบโกฏิ ก็ตรัสรู้.